Toni Blah Blah

ผมเองเข้ามาอยู่ในวงการคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ยังเด็ก กว่า 20 ปีมาแล้ว ยุคนั้นไม่ง่ายนักที่จะหาข้อมูลอะไรต่างๆ หนังสือก็มีไม่กี่เล่ม กูรูไม่กี่คน อย่างเช่น อ.ประพัฒน์ อุทโยภาส ที่เขียนหนังสือ เรียน-เล่น-ใช้ Applesoft Basic ที่ใช้กับเครื่อง Apple II 8 บิต ก่อนจะเริ่มสู่ยุค PC ทุกวันนี้

นอกจากหนังสือและแหล่งความรู้ที่หายากมากๆ แล้ว ยังแทบหาที่ปรึกษาหรือจะถามใครก็ยากไม่น้อยกว่ากันไป สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวก็คือ "การทดลอง" และ "ค้นคว้า" จากข้อมูลที่มีอยู่ ลองซ้ำไปๆ มาๆ จนได้ผลที่เราต้องการ

เมื่อโตขึ้นมาอีกหน่อย ความอยากรู้ก็มากขึ้นเรื่อยๆ ตามวัย หนังสือต่างๆ ที่คนไทยเขียนไว้ก็หาไม่ได้อีกแล้ว และได้ยินมาว่าที่กรุงเทพมีร้านหนังสือเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่อิมพอร์ตเข้ามาเยอะมากมาย จึงหาโอกาส (แอบ) นั่งรถทัวร์ไปร้านนี้ ขลุกอยู่เป็นวันๆ กับหนังสือที่หุ้มปกด้วยพลาสติกใสบางๆ แทบทุกเล่ม ทำให้สิ่งเดียวที่เราทำได้คือพลิกไปพลิกมาปกหน้าหลัง เพราะปกหน้ามักจะมี content เล็กๆ สรุปว่ามีอะไรบ้างในเล่ม ส่วนปกหลังก็จะขยายความ แถมยังเป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย

Book Chest สยาม น่าจะเป็นร้านที่เป็นศูนย์รวมชาวคอมยุคนั้นที่อุดมไปด้วย Text ภาษาอังกฤษและโปรแกรมมากมาย และราคาสูงเกือบทั้งหมดเพราะ Import มา พร้อมทั้งเรื่อง Demand - Supply ด้วย ประมาณว่า "มีที่นี่ที่เดียว ขายราคานี้ ไม่เอาก็ไม่ต้องเอา" ฮาา ... ก็จำเป็นต้องเอา เล่มละเป็นพัน เก็บเงินตั้งนาน .. แต่ก็ต้องยอม (เพราะเราอยากรู้นี่นา)

จากการที่ต้องดิ้นรนค้นคว้าด้วยตัวเองมาตลอดจะทำให้ติดเป็นนิสัย และจะทำให้เราได้รู้อย่างลึกซึ้งมากกว่าแค่การถาม ที่จะได้คำตอบเฉพาะจุดเล็กๆ เท่านั้น ทำให้หมดโอกาสที่จะได้รับรู้เรื่องอื่นๆ ที่อาจใกล้เคียงหรือไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เราต้องการ และเมื่อเราค้นกว่าจะเจอเรื่องที่ต้องการจริงๆ จะเจอเรื่องอื่นๆ ก่อนมากมายซึ่งทำให้แต่ฉานมากขึ้นเ่่รื่อยๆ ทำให้ความรู้ หรือ Knowledge เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

คนที่มี Knowledge มาก จะได้เปรียบเรื่องการคิดแก้ปัญหาในเรื่องต่างๆ หรือเรียกว่าสามารถหา Solution ได้ดีกว่าคนที่มี Knowledge น้อย ยิ่งอ่านมากยิ่งค้นมากก็ยิ่งทำให้เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบซึ่งทำให้ สามารถ Solution ต่างๆ ได้ดีขึ้นตามกันไป ไม่ว่าจะเป็น Solution เรื่องๆ ไหนๆ เรื่องการใช้ชีวิต เรื่องงาน เรื่องลำดับความคิด หรือแม้กระทั่งการวางระบบ หรือนำระบบคอมพิวเตอร์ไปใช้ในงานรูปแบบต่างๆ

ด้วยเหตุนี้ มีส่วนทำให้คนเรามีความแตกต่าง บางคนทำไมคิดได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับบางคน หรือบางคนทำได้ครึ่งๆ กลางๆ แต่ในที่สุดก็ตัน ทำได้ไม่จบ เพราะคิดไม่ออกแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไป ... no more solutions

ยุคนี้ต่างจากสมัยก่อนมาก เพราะเรามีอินเทอร์เน็ตเป็นห้องสมุดใหญ่ที่สุดในโลกอยู่กับบ้าน อยากรู้อะไรก็สามารถค้นหาได้โดยง่ายตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยังเรือรบ หากแต่เราต้องใช้ให้เป็นแค่นั้น เป็นโอกาสดีให้เราเป็นคนเก่งที่แท้จริงใครพูดอะไรเราก็รู้ มีปัญหาอะไรก็สามารถค้นและนำมาแก้ไขด้วยตัวเองได้

มีเทคนิคหนึ่งให้จำไว้ในใจเลยคือ "ให้ตั้งใจไว้เลยว่าจะคิดและค้นคว้าเองให้เต็มที่ก่อนแล้วจึงค่อยถามคนอื่น" -

"to bear in mind is to learn as much as you can on your own before engaging an outside source"

แล้วจะภูมิใจในตัวคุณเอง ... เพราะคุณก็ทำได้ไม่แพ้ใคร

Toni Maxx


ผมเป็นคนชอบแบ่งปันข้อมูลด้วยนิสัยอยู่แล้ว แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ทำให้ต้องคิด คือเรื่อง "สอนให้จับปลา ดีกว่ายื่นปลาให้กิน" ช่วงหลังๆ อาจมีเพื่อนๆ หรือใครก็ตามที่อาจเข้าใจผมผิดไปว่าหวงหรืองกความรู้ ให้มองย้อนดูครับว่าตลอดที่ผ่านมาผมได้ชี้แนวทาง และช่วยเหลือทุกๆ อย่างที่ทำได้ มีสิ่งเดียวที่ทำให้เขาเคือง ลองถามตัวเองดูครับว่า "คุณได้ค้นดูเองสักนิดแล้วหรือยัง" กับแค่เรื่องการจดโดเมนภาษาไทย โดยที่อาชีพหลักของคุณเองคือ "คนทำเว็บ" ... และเมื่อคุณหาเองไม่กี่ชั่วโมง คุณก็ทำได้ ... คิดเองอย่างนี้สักนิดสิเพื่อน ถ้าไม่ได้จริงๆ เราก็ไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้ว :)